ข้อมูลจากการสัมภาษณ์
จากการสัมภาษณ์ นายสนั่น วงศ์แพทย์ (บ้านเลขที่ 142 บ้านปัว) และนางจำนองค์ สุภา (ชาวบ้านปัว) มีที่ดินติดกับโบราณสถาน) ทราบว่า เดิมบริเวณนี้มีสภาพเป็นเนินดิน สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ 1.5-2.0เมตร จน พ.ศ. 2515 จึงเริ่มถูกไถปรับที่พื้นทำไร่ และและไถปรับมาเรื่อยๆต่อมามีนายทุนจากกรุงเทพฯ มาชื้อที่ดินแปลงนี้ และขอออกโฉดที่ดิน จึงถูกไถปรับจนมีสภาพปัจจุบัน ชาวบ้านปัว เห็นว่า เป็นการทำลายของเก่าโบราณ ควรรักษาไว้เป็นมรกดของบ้านปัว จึงคัดค้านต่อต้าน และเริ่มก่อตั้งเป็นสำนักงานสังฆ์ดังปัจจุบัน
ข้อมูลจากการสำรวจโบราณสถาน
จากการสำรวจพบโบราณสถาน 2 และบ่อน้ำ 1 บ่อ ดังนี้
โบราณสถานหมายเลข 1 เนื่องจากการไถรับพื้นที่ ทำให้เห็นร่างรอยการเรียงอิฐเป็นแนว ทางวัดและชาวบ้านจึงขุดตามแนวอิฐดังกล่าว ปรากฏเป็นฐานอาคารโบราณสถาน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว่าง 4.6เมตร ยาว6.7เมตร ด้านทิศใต้เรียงอิฐแบบย่อมุมเล็กลงขนาดกว้าง
1.8 เมตร ยาว 2.4 เมตรอาจเป็นฐานบันไดทางขึ้น นอกจากนี้ยังปรากฏเศษกระเบื้องดินขอกระจากทั้งไป และก้อนหินทราย ขนาดใหญ่หลายก้อน
โบราณสถานหมายเลข2 อยู่ห่างจากโบราณสถานหมายเลข1มาทางทิศใต้ประมาณ20-30 เมตร ไม่พบแนวเรียงอิฐฐานอาคาร แต่เป็นบริเวณทีมีเศษอิฐและเศษกระเบื้องกระจายอยู่หลายแห่ง เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดโดยประมาณ กว้าง 9-10 ยาว 20-25เมตร
บ่อน้ำโบราณ อยู่ห่างออกโบราณหมายเลข1 มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ10 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ1เมตร คือ1.5 เมตร จากการสอบถาม เดิมเป็นบ่อน้ำ ก่ออิฐโดยรอบที่ก้นบ่อมีแผ่นหินแกะสลักเป็นรูปคล้อยตัวอักษรแต่ปัจจุบันชาวบ้านนำท่อซีเมนต์มาก่อเป็นขอบบ่อ เพื่อกัดเก็บน้ำ ทำให้ไม่สามารถเห็นสถานที่เดิมได้ และมีการก่อสร้างอาคารโถมขนาดเล็กติดกับบ่อน้ำนี้
โบราณวัตถุที่พบ
จากการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุของชาวบ้านที่พบบริเวณนี้มีหลายประเภท ดังนี้
1. ตะปูเหล็ก มีลักษณะเป็นแท่งเหล็ก รูปสี่เหลี่ยม ยาว ปลายแหลม อีกด้านหนึ่งหักงอ
2. ตะกรันเหล็ก (slag)ลักษณะเป็นก้อนขี้แร่ มีรูพรุน
3. กระเบื้องดินขอ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดใหญ่ เนื้อดินละเอียด
4. ชิ้นส่วนภาชนะเผา พบจำนวนมากทั้งชนิดเนื้อดินธรรมดาไม่เคลือบผิวเนื้อแกรงเคลือบผิว
ชนิดเนื้อแกร่ง (stone ware) พบทั้งเนื้อดินสีเทาไม่เคลือบผิว ประเภทไห เนื้อดินสี่เท่าอ่อน เคลือบผิวสีน้ำตาลเข้ม เนื้อดินสีเทาเคลือบสีเขียวไข่กา ประเภทจาน ชาน เขียนลายสีดำใต้เคลือบใส เป็นลายจุดลานดอกไม้ และลานขีดเป็นเส้นวงลม เครื่องถ้วยจีน เขียนลายสีน้ำเงินใต้เคลือบ
ข้อสันนิษฐาน
จากการสำรวจภาพของแหล่าโบราณสถาน และโบราณวัตถุที่พบ โดยเฉพระตัวอักษรที่พบบน
กระเบื้องดินขอ ซึ่งเป็นตัวอักษรที่นิยมใช้กันในช่วง พ.ศ 2010-2099 และเครื่องถ่ายจากแหล่งเตาล้านนานั้น แสดงให้เห็นว่าโบราณสถานแห่งนี้เคยใช้ทำกิจกรรมทางศาสนาในช่วงพุทธศตรวรรษที่ 20-21 หรือประมาณ 600-700
หมายเหตุ
ทำการสำรวจเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543
คณะสำรวจประกอบด้วย
1. นายชินลวุฒ วิลยาลัย พนักโบราณคดี 4
2. นายอุดม ภิรมวงศ์ พนักงานดูแลโบราณสถาน
3. นายวันทนา นาสะเต๊ะ ช่างสำรวจ โครงการฯเชียงแสน
4. นางสาวเสาวนีย์ เหล็กกล้า ภัณเฑรักษ์พิพิธภัณเฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน จังหวัดเชียงราย
อ้างอิงข้อมูล : ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงคำ สังสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพะเยา
ที่อยู่ 158 ม.4 ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา
โทรศัพท์/โทรสาร 0-5445199-5 Facebook fanpage : กศน.อำเภอเชียงคำ Chiang nfe.
Post a Comment